วันพุธที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2556

สถาบันบริการสารสนเทศ


 บริการสารสนเทศของแหล่งสารสนเทศ เป็นบริการที่แหล่งสารสนเทศจัดบริการผู้ใช้ให้สามารถเข้าถึง และได้รับสารสนเทศที่ต้องการโดยสะดวก ซึ่งประกอบด้วย บริการพื้นฐาน เช่น บริการการอ่าน บริการยืม-คืน และ บริการสารสนเทศ บริการที่สถาบันบริการสถาบันนิยมจัดบริการ มี ดังนี้
บริการพื้นฐาน
       1.บริการผู้อ่าน (Reader Services) เป็นการจัดอำนวยความสะดวกสำหรับผู้ใช้เกี่ยวกับการจัดสถานที่ แสงสว่าง ห้องอ่าน หรือ ห้องบริการเฉพาะ การจัดเตรียม โต๊ะ เก้าอี้ วัสดุอุปกรณ์ เช่น คอมพิวเตอร์ ระบบเครือข่าย
       2.บริการยืม-คืน (Circulation Services) หรือบริการจ่าย-รับ เป็นบริการที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ยืมทรัพยากรสิ่งพิมพ์และไม่ใช่สิ่งพิมพ์ โดยมีข้อยกเว้นสำหรับทรัพยากรสารสนเทศบางประเภท เช่น หนังสืออ้างอิง วารสารฉบับล่าสุด วารสารฉบับเย็บเล่ม บริการให้ยืม-คืน และให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการยืม ได้แก่ การทำบัตรสมาชิก ต่ออายุบัตรสมาชิก การคิดค่าปรับหรือ ชดใช้ทรัพยากรสารเทศ และมีการจัดบริการเสริม คือ
              1) บริการตรวจสอบและบริการจอง (Inventory and Hold Services) เป็นบริการช่วยผู้ใช้ที่มีปัญหาในการค้นหาหนังสือหรือเอกสารที่ต้องการไม่ได้ ซึ่งอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น มีผู้อื่นใช้อยู่ หรือถูกยืมไปจากสถาบันบริการสารสนเทศ หนังสือหาย หรือจัดเก็บผิดที่ และ อาจเนื่องมาจากสาเหตุอื่นๆ เช่น หนังสือกำลังส่งซ่อม หรือ เอกสารบางหน้าขาดหายไปจากตัวเล่ม ผู้ใช้สามารถไปขอใช้บริการตรวจสอบเอกสาร (Inventory Services) ซึ่งสถาบันบริการสารสนเทศบางแห่งจะให้บริการทันทีที่ร้องขอ บางแห่งอาจต้องกรอกแบบฟอร์ม บรรณารักษ์หรือเจ้าหน้าที่จะทำการสำรวจเอกสารที่ต้องการภายในอาคาร และตรวจสอบสถานภาพทรัพยากรสารสนเทศ และทำการแจ้งผลการตรวจสอบแก่ผู้ใช้ หากพบว่ามีผู้ยืมไป ยังไม่ครบกำหนดส่ง หรือส่งซ่อม พร้อมทั้งแจ้งผู้ใช้ให้ใช้บริการจอง (Hold Service) ทรัพยากรสารสนเทศรายการที่ต้องการ โดยผู้ใช้สามารถกรอกแบบฟอร์มจองได้ที่งานบริการยืม-คืน เมื่อสถาบันบริการสารสนเทศได้รับทรัพยากรสารสนเทศรายการที่จองไว้ ก็จะติดต่อให้ผู้จองมารับทันที กรณีที่ผู้ที่ยืมไปมีสิทธ์ในการยืมเป็นระยะเวลานาน สถาบันบริการสารสนเทศจะทำการทวงขอให้นำมาคืนเพื่อให้บริการผู้จองก่อน เมื่อครบกำหนดคืนก็จะแจ้งผู้ยืมคนแรกให้มายืมหนังสือต่อได้
              สำหรับห้องสมุดที่นำระบบอัตโนมัติมาใช้ ผู้ใช้สามารถจะทำบริการจองทรัพยากรสารสนเทศออนไลน์ที่ต้องการได้ทันที หากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่ามีผู้ยืมออก ก็จะทำแจ้งผู้ใช้ทราบและนัดหมายเวลาให้มารับเมื่อได้รับเอกสารคืนแล้ว ทางโทรศัพท์ จดหมาย หรือ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ตามผู้จองแจ้งไว้ ทั้งนี้การมารับเอกสารผู้ร้องขอต้องมาขอรับเอกสารในเวลาที่สถาบันบริการสารสนเทศกำหนด หากเลยเวลาที่กำหนดก็จะถูกตัดสิทธ์การจอง
              2) บริการหนังสือสำรอง (Reserve Service) บริการหนังสือสำรองมีบริการในห้องสมุดสถาบันอุดมศึกษา เป็นบริการหนึ่งของบริการยืม แต่มีระเบียบการยืมเป็นพิเศษ คือ มีการกำหนดระยะเวลาในการยืมที่สั้นลงกว่าระยะเวลาในการยืมปรกติ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ใช้มีโอกาสได้ใช้หนังสือได้อย่างทั่วถึง สำหรับหนังสือที่มีน้อยแต่จำนวนผู้ต้องการยืมมีมาก หนังสือสำรองมักเป็นหนังสือที่อาจารย์ผู้สอนกำหนดให้เป็นหนังสืออ่านประกอบการเรียนการสอนในกระบวนวิชาใดวิชาหนึ่ง ซึ่งอาจเป็นหนังสือส่วนตัวของอาจารย์ผู้สอนนำมาขอให้จัดบริการให้ หรือผู้สอนคัดเลือกหนังสือจากในห้องสมุด หนังสือที่ได้รับการคัดเลือกจะถูกนำมาจัดเก็บที่ชั้นหนังสือสำรอง ซึ่งจัดเก็บในแผนกบริการยืม คืน ผู้ใช้ต้องมาแจ้งขอยืมจากบรรณารักษ์ หรือ เจ้าหน้าที่บริการเท่านั้น
              ระยะเวลาของการให้ยืมหนังสือสำรองจะถูกกำหนดโดยอาจารย์ผู้สอน และหนังสือบางเล่ม หากมีผู้ใช้จำนวนมากอาจกำหนดให้ยืมใช้ภายในห้องสมุดเท่านั้น และอาจให้ยืมออกในช่วงระยะเวลาที่ห้องสมุดปิด แต่ผู้ใช้ต้องนำมาคืนทันทีที่ห้องสมุดเปิด หากไม่คืนตามกำหนด ห้องสมุดมักกำหนดค่าปรับที่มากกว่าค่าปรับปรกติที่กำหนดไว้ หนังสือสำรองจะถูกเก็บที่ชั้นหนังสือสำรองประมาณ 1 ภาคการศึกษา และจะถูกนำมาขึ้นชั้นปรกติหลังจากนั้น
ตัวอย่าง  สถาบันบริการสารสนเทศ

สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน)

ประวัติ 

สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร

สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร จัดตั้งขึ้นโดยพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ร่วมกันวางแผนพัฒนาแหล่งน้ำ เริ่มจากการพัฒนากลไกการรวบรวมข้อมูลและประสานงานระหว่างหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยให้หน่วยปฏิบัติการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์สมรรถนะสูง ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จัดตั้งโครงการระบบเครือข่ายเพื่อการจัดการทรัพยากรน้ำแห่งประเทศไทยขึ้นในปี พ.ศ. 2541 เพื่อดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลทรัพยากรน้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยาทั้งหมด จากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง แล้วสำเนากระจายข้อมูลนี้กลับไปให้หน่วยงานต่างๆ อีกครั้ง ให้ได้ใช้ข้อมูลร่วมกัน เกิดเป็นกลไกในการประสานงาน ประกอบการตัดสินใจ และดำเนินการได้
ในการวิจัยและพัฒนาระบบดังกล่าวเป็นผลให้เกิดความร่วมมือและพัฒนาบุคลากรด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีความสามารถในการพัฒนาระบบ สารสนเทศของหน่วยงาน นอกจากนี้หน่วยงานที่ร่วมดำเนินการได้พิจารณานำข้อมูลที่รวบรวมได้จากระบบเครือข่าย มาจัดรวบรวมเพื่อเปิดให้ ประชาชนเข้าถึง รับรู้ และศึกษาได้ อันจะเป็นฐานในการพัฒนาความร่วมมือภาคประชาชน ที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลรักษาทรัพยากรน้ำ และเป็นเครื่องมือในการดำเนินการขององค์กรลุ่มน้ำ ที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ต่อไป
สำหรับด้านการเกษตร ได้มีการดำเนินงานโครงการระบบเครือข่ายสารสนเทศการเกษตร เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการนำข้อมูลมาสนับสนุนการเรียนรู้ในการจัดการ และการผลิตด้านการเกษตร และการพัฒนาชุมชน โดยมีองค์ประกอบสองส่วนหลักที่จะเป็นจุดเริ่มในการพัฒนาการเรียนรู้ทั้งเกษตรกร และหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง คือ
  1. ระบบข้อมูลที่เป็นความรู้ด้านการเกษตรการผลิต
  2. ระบบข้อมูลความเสี่ยงด้านต่างๆ
ทั้ง 2 ระบบนี้จะมีระบบย่อยๆ ที่พัฒนาขึ้น ประกอบด้วย ระบบบัญชีข้อมูลทางด้านเกษตรและชุมชน (Agricultural Data Clearing House) ใช้เป็น กลไกในการค้นหา เข้าถึง และรวบรวมความรู้ต่างๆ ด้านการเกษตรและระบบเครือข่ายสารสนเทศภูมิศาสตร์ ที่ใช้เป็นฐานในการวิเคราะห์ความเสี่ยง
ในระยะที่ 2 ของการดำเนินงานจะได้นำข้อมูลหลักทั้ง 2 ส่วนนี้ไปให้ถึงเกษตรกรโดยเน้นการพัฒนาบุคลากรที่จะเป็นคนกลาง หรือสื่อกลาง ที่มีความรู้ความเข้าใจในการใช้ข้อมูล สื่อข้อมูลเหล่านี้ให้ถึงเกษตรกร บุคลากรกลุ่มนี้เรียกว่า Information Brokers เป็นบุคลากรที่อยู่ในชุมชน และจะมีส่วนร่วมในการสร้างกระบวนการเรียนรู้ร่วมกัน สำหรับในระยะสุดท้าย คือการส่งผ่านความรู้สู่ชุมชน หรือ Information Diffusion ทั้งนี้เพื่อ สร้างกระบวนการ คิด ทำ และแก้ปัญหาระดับชุมชน โดยชุมชน แต่อาศัยความรู้ ข้อมูลต่างๆ ด้านการเกษตร ที่บรรจุอยู่บนระบบเครือข่าย สารสนเทศการเกษตร
ปัจจุบัน สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร เป็นสถาบันวิจัยและพัฒนาขั้นสูง (Center for Advanced Study) มีการดำเนินงานต่อเนื่องของโครงการเครือข่ายเพื่อการจัดการทรัพยากรน้ำแห่งประเทศไทย และโครงการระบบเครือข่ายสารสนเทศการเกษตรมาโดยตลอด เพื่อนำเอาเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาใช้ในการรวบรวมข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรน้ำและการเกษตรดังนี้
  1. ข้อมูลสถิติ
  2. ข้อมูลนโยบายและ แผนการดำเนินงานจัดการทรัพยากรน้ำและการเกษตร
  3. ข้อมูลเทคโนโลยีการผลิตทางการเกษตร
  4. ข้อมูลองค์กรและหน่วยงานที่รับผิดชอบ เป็นต้น
โดยข้อมูลทั้งหมดเป็นกลไกสำคัญทำให้เกิดการประสานงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานต่างๆ ในการจัดการทรัพยากรน้ำและการเกษตร รวมทั้งเกิดเป็นระบบสนับสนุนการตัดสินใจดำเนินงานหรือกำหนดแผนงานทรัพยากรน้ำและ การเกษตรของประเทศ
สถาบันฯ ได้เปลี่ยนสถานะเป็นองค์การมหาชนตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2552 ตามราชกิจจานุเบกษา [2] โดยใช้ชื่อว่า สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน)

พันธกิจ

  • วิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีด้านการจัดการทรัพยากรน้ำและการเกษตร
  • รวบรวม ผลิต และให้บริการสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร
  • สร้างต้นแบบการประยุกต์ใช้ผลงานวิจัยและสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร
  • พัฒนาขีดความสามารถในการให้บริการงานวิจัยและสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร
  • พัฒนาเครือข่ายความร่วมมือด้านสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตรทั้งในประเทศและต่างประเทศ

[แก้]วิสัยทัศน์

เป็นองค์กรที่สร้างองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำหรับการบริหารจัดการด้านทรัพยากรน้ำและการเกษตร เพื่อรองรับสภาวะการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติที่รุนแรงขึ้น และขยายผลการทำงานโดยการสร้างและพัฒนาเครือข่าย

[แก้]วัตถุประสงค์การจัดตั้ง

  • วิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรวมทั้งรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลในด้านการจัดการสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร
  • นำเสนอผลการวิจัยและพัฒนาเพื่อให้องค์การต่างๆ นำไปใช้ประโยชน์ในการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและการเกษตร
  • ส่งเสริมความร่วมมือทั้งในประเทศและต่างประเทศในการวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในด้านการจัดการสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร
  • บริการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่เป็นผลการวิจัยและพัฒนาของสถาบันให้ประชาชนและชุมชนนำไปใช้ประโยชน์ได้โดยสะดวกและเกิดประสิทธิผล

[แก้]อ้างอิง

  1. ^ พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 129 ตอนที่ 15ก วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2555
  2. ^ ฉบับกฤษฎีกา เล่ม ๑๒๕ ตอน ๑๓๘ ก

[แก้]แหล่งข้อมูลอื่น


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น